รีวิว Samsung SSD 840 EVO : ดิสก์เก็บข้อมูล…ช่วยเร่งสปีดคอมเครื่องเก่าให้เร็วขึ้น!
เอ่ยถึง SSD (Solid-state drive) แล้วเชื่อว่าหลายท่านน่าจะพอรู้จักกันมาบ้าง ว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ (ทั้งแบบเครื่องเดสก์ท็อปและโน๊ตบุก) หรือเปรียบเสมือนเป็นฮาร์ดดิสก์ประเภทหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยจุดเด่นของ SSD นั้นอยู่ตรงที่มีอัตราการอ่าน/เขียนข้อมูลที่เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์แบบปกติมาก ตลอดจนชิ้นส่วนภายในจะเป็นแผงวงจรไม่ใช้จานแม่เหล็กเหมือนฮาร์ดดิสก์แบบเดิมๆ ทำให้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนมากครับ
ถ้าย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วตอน SSD เพิ่งบูมใหม่ๆ เป็นที่ทราบกันดีว่าอุปกรณ์ชนิดนี้มีราคาที่แพงมากเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบธรรมดา ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้ทั่วไปหรือผู้ใช้ตามบ้าน จนปัจจุบันราคาของ SSD ได้ลดลงมาพอสมควร ถึงแม้จะยังไม่ถูกกว่าฮาร์ดดิสก์ธรรมดา แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่คุ้มค่าเพียงพอต่อการเลือกซื้อมาใช้งานกันได้ครับ
ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้ผมจะมาทำการรีวิวและแนะนำการใช้งาน SSD ให้ผู้อ่านได้ติดตามกันครับ โดยจะเป็นของยี่ย้อ Samsung รุ่น 840 EVO ซึ่งถือเป็น SSD รุ่นที่เหมาะกับการใช้งานในระดับทั่วไป และมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไปอีกด้วยครับ
สำหรับ SSD ในซีรีย์ 840 EVO ของซัมซุงนั้นจะมีความจุให้เลือกกันถึง 5 ระดับครับ คือ 120GB, 250GB, 500GB, 750GB และ 1TB โดยที่ผมจะมารีวิวครั้งนี้เป็นขนาดเล็กสุดครับ คือ 120 GB
สำหรับตัว SSD ในรุ่น 840 EVO ทางซัมซุงได้เน้นจุดเด่นตรงที่อุปกรณ์มีความทนทานสูง ไม่ว่าจะเป็น ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน ทนทานต่อภาวะที่ที่มีอุณภูมิสูง และรับประกันตัวอุปกรณ์เป็นระยะเวลา 3 ปีอีกด้วยครับ
นอกจากจะมีการรับประกันที่ตัวอุปกรณ์แล้ว ยังมีระบบซอฟต์แวร์ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกให้อีกด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น Samsung Data Migration ไว้สำหรับช่วยย้ายข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ลูกเก่ามาใส่ใน SSD และ Samsung Magician ที่จะช่วยจูนประสิทธิภาพการทำงานของ SSD ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
ตัวอย่างการใช้ Samsung Data Migration ช่วยย้ายข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ลูกเดิมมาใส่ใน SSD (ภาพประกอบจากคู่มือ)
ได้ทราบข้อมูลคร่าวๆ กันแล้ว ต่อไปเรามาเริ่มแกะกล่องเจ้า Samsung SSD 840 EVO กันเลยครับ
ด้านหลังของกล่อง
เมื่อแกะออกมาจะพบตัว SSD อยู่ในแพ็คเกจอย่างดี
สำหรับขนาดของ Samsung SSD 840 EVO ก็จะอยู่ที่ 100 x 69.85 x 6.8 มม. (ยาว x กว้าง x สูง)
พลิกมาด้านหลังของตัวอุปกรณ์ จะเห็นช่องสำหรับเสียบสายข้อมูล (แบบ SATA) และช่องสำหรับเสียบไฟ (Power) เหมือนฮาร์ดดิสก์แบบทั่วไปครับ ซึ่งเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ในช่วง 4-5 ปีนี้น่าจะรองรับ SATA กันหมดแล้ว
Samsung SSD 840 EVO มีน้ำหนักเพียง 53 กรัม ซึ่งถือว่าเบามากๆ ครับ (ไม่ถึงขีด)
บริเวณด้านล่างและข้างๆ ของตัว SSD จะมีรูสำหรับใส่นอตเพื่อใช้ในการยึดติดกับตัวเคสหรือภายในเครื่องโน๊ตบุกอีกด้วยครับ
สเปคคอมที่ใช้ทดสอบ
- เมนบอร์ด : Asus P7P55 LX
- ซีพียู : Intel Core i5 650 3.20 Ghz
- แรม : 4 GB
- การ์ดจอ : NVIDIA GT 220
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 7
- ฮาร์ดดิสก์ : Western Digital Green 1 TB
- SSD : Samsung 840 EVO
สำหรับเครื่องคอมที่จะนำมาทดสอบครั้งนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นคอมของผมเอง ครับ โดยเครื่องนี้ผมประกอบเองเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วครับ ถ้าจะเทียบกับสเปคของเครื่องคอมในยุคปัจจุบันแล้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่เกือบจะต่ำได้เลย ไม่ว่าจะเป็นซีพียู Intel รหัสเก่า และแรมเพียง 4 GB (เดี๋ยวนี้เห็นใส่กัน 8 GB)
โดยการทดสอบครั้งนี้ผมจะมาทดสอบเปรียบเทียบความเร็วให้ผู้อ่านได้เห็นครับ ว่านำ SSD 840 EVO มาใส่กับเครื่องเดิมๆ ของผมแล้ว จะทำให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้นมากน้อยแค่ไหน …ขอเริ่มต้นด้วยการเปิดฝาเคสของเครื่องออกมาก่อนเลยครับ (ฝุ่นนี่ฟุ้งกระจายกันเลยทีเดียว 555+)
ซึ่งจริงๆ แล้วเราสามารถต่อทั้ง SSD และ HDD ให้ทำงานพร้อมกันด้วยเลยก็ได้ครับ แต่ในกรณีนี้ผมจะสาธิตการเปลี่ยนจากการใช้ฮาร์ดดิสก์แบบธรรมดา (HDD) มาเป็น SSD โดยการนำสายไฟและสายข้อมูล (SATA) ที่เดิมทีเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์เดิมอยู่ มาเชื่อมต่อกับ SSD แทนครับ
ทำการถอดสายไฟ (Power) และสายข้อมูล (SATA) จาก HDD ลูกเดิมออกครับ
นำสายทั้งสองมาเสียบกับ SSD แทน
จะได้แบบนี้ครับ ต่อไปก็ทำการจัดระดับหรือยึดตัว SSD ให้ติดกับช่องในเคสให้เรียบร้อย จากนั้นปิดฝาเคสครับ …เป็นอันจบขั้นตอนการติดตั้ง SSD แทน HDD ลูกเดิม (ง่ายจริงๆ ครับ ทำด้วยตัวเองได้สบายๆ)
เพื่อให้แน่ใจว่าเมนบอร์ดของเราจะมองเห็น SSD ก็สามารถทำการเช็คได้ด้วยการเข้ามาที่หน้า Bios ครับ (เปิดกดปุ่มเปิดเครื่องให้กดปุ่ม Del ค้างไว้ จะเข้ามาหน้านี้) ถ้าเห็นชื่อของ Samsung SSD 840 EVO อยู่ ก็โอเคครับ
เพียงเท่านี้ก็เปรียบเสมือนคอมของเราได้เปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่มาใช้ SSD แล้ว สามารถทำการลงระบบปฏิบัติการตามปกติได้เลย ในกรณีนี้ผมจะลงเป็น Windows 7 นะครับ และเป็นการลงแบบ Clean Install คือลงแบบเริ่มใหม่หมด ซึ่งใครไม่อยากลงแบบนี้ ก็สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Samsung Data Migration ที่ผมได้กล่าวไปตอนต้นช่วยย้ายข้อมูลให้ก็ได้ครับ (มีคู่มืออธิบายการใช้งานมาให้) จะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งลงวินโดวส์ใหม่
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ตอนนี้คอมของผมก็จะมี Windows 7 อยู่ใน Samsung SSD 840 EVO เรียบร้อยครับ สามารถใช้งานได้ปกติทั่วไปเลย
และสิ่งแรกสำหรับคนที่เพิ่งย้ายจาก HDD มาเป็น SSD จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างได้ชัดคือ ระยะเวลาที่ใช้ในการบูตระบบปฏิบัติการจะเร็วขึ้นแบบพลิกฝ่ามือกันเลยทีเดียวครับ โดยผมได้อัดคลิปวีดิโอทดสอบการบูตมาให้ดูด้วย
คลิปแรกเป็นการบูต Windows 7 จาก Samsung SSD 840 EVO นะครับ ตั้งแต่จุดที่ปรากฏโลโกวินโดว์จนถึงหน้าเดสก์ท็อปใช้เวลาบูตเพียง 10 วินาทีเท่านั้นครับ
เทียบกับการบูต Windows 7 เหมือนกัน ด้วย HDD ลูกเดิมของผมครับ ใช้เวลาตั้ง 46 วินาที ถึงจะเข้าหน้าเดสก์ท็อป
จะเห็นว่าระยะเวลาในการบูตระกว่าง SSD กับ HDD ต่างกันเกือบ 5 เท่าเลยทีเดียว นี่ขนาดเป็น Windows 7 นะครับ …ถ้าเป็น Windows 8 หรือ Windows 8.1 ที่ปกติก็บูตและทำงานได้ไวอยู่แล้ว มาเจอกับความเร็วของ SSD ก็ยิ่งจะทำให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีกครับ
ต่อไปเราจะมาดูกันครับว่าตัวระบบปฏิติการของเรา (Windows 7) ให้เรทคะแนน SSD ของเราเท่าไรบ้าง โดยทำการคลิกขวาที่ My Computer > Properties ครับ จากนั้นคลิปที่ Windows Experience Index
จะเห็นว่า Windows 7 ให้คะแนนอุปกรณ์เก็บข้อมูลของเราถึง 7.5 เต็ม 7.9 คะแนน ซึ่งนับว่าเป็นคะแนนที่สูงมากๆ เลยนะครับเมื่อเทียบกับ HDD ทั่วไป โดยการให้คะแนนของ Windows นั้น คำนวนมาจากความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลครับ ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งได้คะแนนเยอะ
มาดูคะแนนที่ Windows ให้กับ HDD ลูกเดิมของผมครับ ได้เพียง 5.9 เต็ม 7.9 คะแนนเท่านั้น จนเกือบเป็นจุดอ่อนของเครื่องรองจากการ์ดจอ (กากๆ) ของผมเลยทีเดียว
และอย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นนะครับว่าทางซัมซุงมีซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า Samsung Magician แถมมาให้พร้อมในแพคเกจด้วย เป็นโปรแกรมสำหรับใช้ตรวจดูรายละเอียดและรีดประสิทธิภาพการทำงานของ SSD (ทุกรุ่น) ให้ออกมามากที่สุดอีกด้วยครับ
มีเครื่องมือในการ Benchmark หรือวัดประสิทธิภาพมาให้ด้วย
ในส่วนของ Performance Optimization หรือการให้โปรแกรมช่วยทำการตั้งค่าวินโดวส์ให้เหมาะสมกับการทำงานร่วมกับ SSD ให้ได้ดียิ่งขึ้น
ดูโปรแกรมที่ซัมวุงแถมมาให้แล้ว ลองมาดูจากโปรแกรมอื่นๆ กันบ้างครับ อันนี้เช็คด้วยด้วยโปรแกรม SSDLife Pro สามารถใช้ตรวจสอบสุขภาพและอายุการใช้งาน SSD ของเราได้
ทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) ของ SSD 840 EVO ด้วยโปรแกรม HD Tune Pro ดูครับ ผลออกมาน่าพอใจมาก โดยมีอัตตราการอ่านข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 232 MB/วินาที ส่วนการเขียนมีความเร็วอยู่ 217 MB/วินาที
เทียบกับ HDD ตัวเก่าของผม มีความเร็วในการอ่าน 90 MB/วินาที และความเร็วในการเขียนเพียง 67 MB/วินาที เท่านั้น (ช้ากว่ากัน 2-3 เท่าเลยทีเดียว)
ลองทดสอบการก็อปไฟล์จริงๆ ดูครับ ได้ผลน่าพอใจมาก ที่ 200+ MB/วินาทีเลยทีเดียวครับ
นอกจากประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากการเปิด/เปิดเครื่องและคัดลอกไฟล์เร็วขึ้นแล้ว SSD ยังช่วยส่งผลดีต่อระบบการทำงานโดยรวมของคอมพิวเตอร์อีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็น การที่ตัวระบบปฏิบัติการสามารถเรียกและเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ได้เร็ว ทำให้ตอบสนองการทำงานของเราได้ดียิ่งขึ้น สามารถทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ลดปัญหาอาการค้างที่คอขวดเหมือนฮาร์ดดิสก์แบบเดิมๆ
สรุป
การเปลี่ยนอุปกรณ์เก็บข้อมูลจากที่เป็น HDD แบบเดิม มาเป็น SSD ทำให้คอมพิวเตอร์ของผมเครื่องเก่าของผมมีประสิทธิภาพหรือทำงานได้เร็วขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดครับ และอย่างที่ผมได้เกริ่นไปในตอนต้นครับ ว่าปัจจุบันราคาของ SSD ลดลงในระดับที่หลายคนพอเอื้อมถึงแล้ว อย่าง Samsung SSD 840 EVO ขนาด 120 GB ที่ผมนำมาทดสอบครั้งนี้ ก็มีสนนราคาอยู่ที่ 3,750 บาทเท่านั้น (เทียบกับเมื่อก่อน ขนาด 120 GB นี่เป็นหมื่นครับ) นับว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าสนใจเลยทีเดียวครับ
ใครที่สนใจ Samsung SSD 840 EVO สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ Samsung.com หรือตัวแทนจำหน่ายผ่านบริษัท Scanner Co., Ltd และ Ascenti Resources Co., Ltd ได้ครับ