สรุปข้อมูล iPad Air 5 ดีไหม มีอะไรใหม่บ้าง น่าซื้อไหม
ผ่านไปแล้วกับ Event เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จากฝั่งของ Apple อย่างงาน Peek Performance เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Apple iPad Air 5 แท็บเล็ตรุ่นใหม่ของตระกูลที่รอบนี้จัดหนักจัดเต็มและมีการอัปเดตคุณสมบัติต่างๆ ออกมาได้อย่างลงตัวน่าใช้งานทั้งในส่วนของดีไซน์ตัวเครื่อง ชิปเซ็ตสำหรับประมวลผลการทำงาน กล้องถ่ายรูป และฟังก์ชันต่างๆ เพื่อคนทำงาน นอกจากนี้ยังรองรับอุปกรณ์เสริมเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างเราสรุปมาให้แล้ว
Apple iPad Air 5 ยังคงมากับแนวคิดรักษ์โลกใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยวัสดุตัวเครื่องรีไซเคิล ที่ดีไซน์ออกมาอย่างเรียบหรูและแข็งแรงทนทาน สมฐานะแท็บเล็ตระดับพรีเมียม โดยมากับหน้าจอแสดงผลแบบ Liquid Retina ขอบจอบางขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล ความสว่างอยู่ที่ 500 nits รองรับการแสดงผลแบบ True Tone พร้อมเคลือบสารกันสะท้อน ทำให้ได้ภาพสวยคมชัด และเมื่อรวมกับพลังเสียงจากลำโพงสเตอริโอที่ด้านหน้าทำให้ได้อรรถรสมากขึ้นในทุกความบันเทิง ที่ขาดไม่ได้ก็คือการใส่ Touch ID รวมเอาไว้ที่ปุ่มด้านบนตัวเครื่องที่กลายเป็นเอกลักษณ์อันคุ้นตาของซีรีส์นี้
อีกเรื่องที่ทำให้เจ้า Apple iPad Air 5 มีความน่าสนใจก็คือขุมพลังที่ใช้ในการประมวลผล เพราะรุ่นนี้มากับชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Apple M1 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในรุ่นใหญ่อย่าง iPad Pro เป็นชิปที่มีซีพียูและกราฟิกการ์ดแบบ 8 แกนสมอง พ่วงมาด้วย Neural Engine แบบ 16 แกน จับคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB มีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องให้เลือกที่ 64 GB หรือ 256 GB โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าประสิทธิภาพของน้องใหม่รุ่นนี้ดีขึ้นกว่า 60% หากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง iPad Air 4 ส่วนระบบปฏิบัติการนั้นมากับ iOS 15 ที่มีลูกเล่นการใช้งานตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนตามต้องการ
กล้องถ่ายรูปของ Apple iPad Air 5 ก็มากับพัฒนาการที่ดีขึ้นอีกระดับ ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 เป็นเลนส์ ultra-wide 122 องศา ที่ใช้งานฟังก์ชัน Center Stage ได้ ส่วนกล้องหลังให้มาเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล รูปรับแสง f/1.8 พร้อม Focus Pixels รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K ให้คุณสร้างคอนเทนต์เอาไว้อวดในโลกออนไลน์ได้อย่างสวยงามและมีลูกเล่น เรื่องการเชื่อมต่อรุ่นนี้รองรับ 5G, Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0 หรือใครอยากใช้อุปกรณ์เสริมก็รองรับทั้ง Apple Pencil รุ่นที่ 2, Magic Keyboard รวมถึง Smart Keyboard Folio อีกด้วย ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุดประมาณ 10 ชั่วโมงด้วยกัน
Apple iPad Air 5 มีสีสันให้เลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกันคือ Blue, Purple, Space Gray, Pink และ Starlight สนนราคาแบ่งตามรุ่นดังนี้คือ
- iPad Air 5 รุ่น Wi-Fi ความจุ 64 GB ราคา 20,900 บาท
- iPad Air 5 รุ่น Wi-Fi+Cellular ความจุ 64 GB ราคา 25,900 บาท
- iPad Air 5 รุ่น Wi-Fi ความจุ 256 GB ราคา 25,900 บาท
- iPad Air 5 รุ่น Wi-Fi+Cellular ความจุ 256 GB ราคา 30,900 บาท
โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมนี้เป็นต้นไป เริ่มจากฝั่งสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก ส่วนในบ้านเราน่าจะมีรายละเอียดตามมาในอีกไม่นานนี้ ใครสนใจอดใจรอกันอีกนิด