ช่วงหลังๆ มานี้ กระแสการช็อปปิ้งออนไลน์จากประเทศจีนกำลังมาแรงสุดๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าประเภท IT gadget เนื่องจากมีความหลากหลายของสินค้า และที่สำคัญคือราคาถูก ซึ่งเว็บไซต์ที่ผมจะมาแนะนำวันนี้ก็คือ Gearbest.com
แนะนำ Gearbest, มีอะไรขายบ้าง ?
สินค้าบน Gearbest ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไอที ของเล่น และอุปกรณ์เสริมต่างๆ มีให้เลือกหลายหมวดหมู่ ตั้งแต่สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แบบพกพา กล้องถ่ายรูป กล้องวงจรปิด อุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมไปถึงสินค้าแฟชั่น ตกแต่งบ้าน และเสื้อผ้า เป็นต้น
อุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนอย่างสายชาร์จ อะแดปเตอร์ หรือเคสต่างๆ ก็มีให้เลือกซื้อ
ที่ผมเกริ่นไปข้างต้นว่า ข้อดีของเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ของจีนคือ ราคาสินค้าที่ถูกมากๆ ถูกกว่าซื้อในประเทศไทยเสียอีก ที่เป็นเช่นนั้นก็มีเหตุผลที่พอเข้าใจได้ว่า จีนเป็นแหล่งผลิตสินค้าเบอร์หนึ่งของโลก โดยเฉพาะสินค้าไอที gadget ต่างๆ ประกอบกับระบบโลจิสติกส์และนโยบายการส่งออกที่ได้เปรียบของจีน จึงทำให้กดราคาขายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น
ค่าจัดส่งคิดอย่างไร ?
เวลาจะซื้อของออนไลน์จากเว็บไซต์ต่างประเทศ คำถามยอดนิยมเป็นอันดับแรกๆ ที่หลายคนสงสัยคือ จะคิดค่าจัดส่งอย่างไร ? สำหรับสินค้าบน Gearbest นั้นมีค่าจัดส่งที่ถูกมากๆ ขึ้นอยู่กับวิธีที่เราต้องการว่าต้องการได้รับสินค้าเร็ว-ช้าแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่น เคส iPhone X อันนี้ราคา 71.26 บาท มีค่าจัดส่ง (shipping cost) ที่ 5.3 บาท สำหรับการส่งแบบ Air mail
สายรัดข้อมือ Mi Band 2 ราคา 761.94 บาท ค่าจัดส่ง 30.82 บาท
แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ราคาสูงๆ หน่อย (เกิน 1 พันบาท) ส่วนใหญ่จะไม่คิดค่าจัดส่งแยกครับ (free shipping)
จ่าย/ชำระเงินผ่านทางไหน ?
นอกจากการจ่ายเงินแบบทั่วไปด้วยบัตรเครดิตแล้ว ความพิเศษอย่างนึงของ Gearbest คือ รองรับการจ่ายเงินด้วย PayPay ซึ่งเป็นช่องทางที่มาตราฐานระดับสากลและใช้กันแพร่หลายทั่วโลก โดยปกติแล้วเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ของจีนจะไม่รองรับช่องทางนี้ (ส่วนใหญ่จะรองรับแต่ Alipay ของจีนเอง)
สำหรับ PayPal ในประเทศไทย ใครที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถให้ PayPal ตัดเงินได้ผ่านทาง TrueMoney Wallet ซึ่งสามารถใช้เติมเงินได้ที่ 7-11 อีกด้วยครับ
วิธีสมัครใช้งาน
รู้จักรายละเอียดเบี้องต้นไปแล้ว ก่อนจะสั่งซื้อสินค้ากับ Gearbest ต้องทำการสมัครบัญชีก่อนครับ สามารถสมัครได้ที่เมนู Sign in และกดปุ่ม Register
การสมัครในขั้นต้นก็ถือว่าเรียบง่ายมากๆ ครับ ใช้เพียงอีเมล และตั้งรหัสผ่านที่ต้องการ ส่วนรายละเอียดชื่อ ที่อยู่สำหรับการจัดส่งนั้นค่อยไปกรอกภายหลังครับ
วิธีการสั่งซื้อสินค้า
การสั่งซื้อสินค้าของ Gearbest ก็คล้ายๆ เว็บช็อปปิ้งออนไลน์ทั่วไปครับ คือ เลือกสินค้าที่ต้องการ และกดปุ่ม Add to Cart เพื่อชำระเงิน
สำหรับ Gearbest เราสามารถเลือกวิธีการจัดส่งแบบต่างๆ ได้จากในหน้ารายละเอียดของสินค้าแต่ละชิ้นได้ด้วยครับ ใครที่ต้องการรับสินค้าเร็วๆ ก็เลือกช่องทางที่มีค่าจัดส่งสูงๆ ขึ้นมาได้
หน้าสำหรับสรุปข้อมูลก่อนจ่ายเงิน
สำหรับการสั่งซื้อครั้งแรก Gearbest จะให้เราเพิ่มชื่อ ที่อยู่สำหรับการจัดส่งสินค้าครับ โดยกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ
ช้าก่อน… ซื้อผ่านแอปราคาถูกกว่า !
เป็นธรรมดาของบริการ e-commerce ไปแล้วครับ ไม่ว่าจะเว็บไหนๆ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีโปรโมชั่นดึงดูดให้ผู้ช้อปปิ้งผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ด้วยการมอบส่วนลดพิเศษให้เมื่อทำรายการผ่านแอป ซึ่ง Gearbest ก็มีแอปทั้งในระบบ Android และ iOS
ยกตัวอย่างเช่น USB 3.0 Hub ตัวนี้ราคาปกติผ่านหน้าเว็บไซต์อยู่ที่ 310.54 บาท แต่มีข้อความบอกว่าจะเซพไป 54.35 บาท ถ้าสั่งซื้อผ่านแอป …ประหยัดไปเยอะแบบนี้ยอมโหลดแอปดีกว่าครับ ฮ่าๆ
และการสั่งซื้อผ่านแอปนั้น สำหรับลูกค้าใหม่ก็จะได้รับคูปองส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย
เมื่อล็อกอินผ่านแอปแล้ว สินค้าชิ้นเดียวกัน จากราคา 310.54 บาท ลดเหลือราคา 256.19 บาท ทันทีครับ บวกกับค่าจัดส่งที่ผมต้องการให้ส่งแบบด่วนๆ (ได้รับใน 5-7 วัน) รวมแล้วก็อยู่ที่ 314.85 บาท ครับ
หากใครไม่ต้องการเสียค่าจัดส่ง ก็เลือกเป็น Unregistered Air Mail ได้ครับ แต่จะได้รับสินค้านานหน่อยที่ราวๆ 7-15 วัน และเป็นการส่งแบบไม่ลงทะเบียนซึ่งไม่สามารถติดตามสถานะการจัดส่ง (tracking) ได้ครับ
ผมเลือกจ่ายเงินผ่าน PayPal เวลาจ่ายก็จะไปยังหน้าของ PayPal ตามปกติครับ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการสั่งซื้อ
หลังจากสั่งซื้อแล้ว เราสามารถเข้าไปติดตามสถานะการสั่งซื้อได้จากในแอปหรือบนหน้าเว็บไซต์ได้
เป็นอันจบรีวิวและแนะนำการสั่งซื้อสินค้ากับ Gearbest เบื้องต้นไว้แต่เพียงเท่านี้ …ขอบคุณครับ
เข้าไปเลือกดูสินค้าที่สนใจได้ที่ www.gearbest.com