ทรู อัปเกรดโครงข่ายให้เป็น 5G SA (Stand-alone) พร้อมให้บริการครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และ 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม EEC ชูจุดเด่นของ SA หรือ Stand Alone ที่ไม่ใช่แค่เร็วกว่าเดิม หรือความหน่วงที่ต่ำมากขึ้น แต่ยังเพิ่มความเสถียร และเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุด ซึ่งจะทำให้เริ่มทดลองใช้งานร่วมกับฟังก์ชั่นสำคัญ
ล่าสุด กลุ่มทรูได้อัปเกรดพัฒนาโครงข่ายเป็น 5G SA (Stand-alone) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อให้เข้าถึงความสามารถของ 5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และพร้อมแล้วที่จะให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม EEC ซึ่งเครือข่าย 5G SA จะส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่า โดยเฉพาะความต้องการใช้งานเครือข่ายที่แตกต่างกันของแต่ละองค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆ โดยจะทำให้เราเริ่มทดลองการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม MEC (Multi-access Edge Computing) และเทคโนโลยี 5G Network Slicing ที่จะช่วยจัดสรรทรัพยากรโครงข่ายแบบ End-to-End ให้เป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานที่แตกต่างกันอันเป็นลักษณะเด่นของ 5G ทำให้สามารถรองรับ Use case หลายอย่างในอนาคต ทั้งโรโบติกส์ ออโตเมชั่น การควบคุมจากระยะไกล ตลอดจนเกมต่างๆ และแอปพลิเคชันที่ต้องการการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ไร้ความหน่วง เพิ่มความเชื่อมั่นได้ว่าจะเชื่อมต่อได้อย่างเสถียรและปลอดภัยสูงสุด อันเป็นจุดเด่นของโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ที่แท้จริง ที่ไม่ได้มีแค่ส่วนของโครงข่าย 5G เท่านั้น เครือข่ายจะต้องสามารถทำงานร่วมกับ Big Data และ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้เพิ่มอัจฉริยภาพของเครือข่าย 5G ให้เต็มที่