รีวิว Apple Music : แอพฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง จากแอปเปิล (สมัครใช้ฟรี 3 เดือน)
แอปเปิลเปิดตัวบริการใหม่ล่าสุด Apple Music หรือบริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง (Music Streaming) โดยเปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถเริ่มใช้บริการนี้ได้พร้อมกับการอัพเดท iOS 8.4 ที่เมื่อคืนวันที่ 30 มิถุนายนผ่านมา ซึ่งในตอนนี้ผมจะมารีวิวและให้พาทุกท่านไปรู้จักกับ Apple Music กันครับ
บริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง (Music Streaming) คืออะไร ?
ก่อนที่จะกล่าวถึงบริการ Apple Music เราต้องมาทำความรู้จักกันก่อนครับว่าบริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง (ซึ่ง Apple Music ก็อยู่ในหมวดนี้) คืออะไร …บริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง คือบริการฟังและดาวน์โหลดเพลง โดยผู้ใช้สามารถเลือกฟังเพลงได้แบบ “ไม่อั้น” ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และจำนวนเพลง สามารถเลือกฟังเพลงใดๆ ก็ได้ที่มีอยู่ใน Library ของบริการนั้นๆ ต่างจากการซื้อ/ดาวน์โหลดเพลงแบบเดิมที่เป็นการ “ซื้อขาด” เป็นเพลงๆ ไป มาเป็นการเสียค่าบริการเป็น “รายเดือน” แล้วฟังได้ไม่จำกัด หากเดือนไหนหยุดจ่ายเงิน เราก็ไม่สามารถฟังเพลงที่ดาวน์โหลดมาเก็บไว้ได้
สำหรับ Apple Music ไม่ใช่บริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งเจ้าแรก (เทรนด์นี้กำลังมาแรง แซงหน้าการดาวน์โหลดเพลงแบบเดิม Apple อาจจะกลัวไม่ทันกระแสเลยต้องรีบปรับตัวทำตาม) ก่อนหน้านี้มีบริการอื่นๆ ที่เปิดตัวและได้รับความนิยมมาก่อนแล้ว เช่น Spotify, Tidal, Rdio, KKBOX, LINE Music, Google Music, Deezer และอื่นๆ
รายละเอียดบริการ Apple Music
- รองรับอุปกรณ์ทั้ง iOS, Mac, PC และ Android (Android จะตามมาช่วงปลายปี)
- ค่าบริการรายเดือน (ประเทศไทย) เดือนละ $4.99 หรือประมาณ 170 บาท
- เปิดให้ผู้ใช้สามารถทดลองใช้ได้ฟรี 3 เดือนแรก (เริ่มเก็บเงินจริงเดือนที่ 4)
สำหรับการใช้งาน Apple Music นั้น ถ้าเป็นผู้ใช้ iOS ไม่ต้องดาวน์โหลดแอพใดๆ มาเพิ่มครับ เพราะบริการนี้มันอยู่ในแอพ Music หรือแอพฟังเพลงตัวเดิม แต่ความสามารถในการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งจะมาพร้อมกับ iOS 8.4 ดังนั้นใครจะใช้ Apple Music ต้องอัพเดท iOS ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดกันก่อนนะครับ
เปิดแอพเข้ามาครั้งแรก จะมีข้อความเชิญชวนให้เราทดลองใช้ Apple Music ฟรี 3 เดือน หรือหากใครไม่สนใจใช้บริการนี้ก็กด “Go to music” ข้ามไปได้ครับ ก็จะเป็นแอพฟังเพลงแบบเดิมๆ
หลังจากกดทดลองใช้แล้ว ก็จะมีหน้าให้อ่านข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งาน พร้อมกับให้กดยืนยันว่าจะจ่ายเงินเมื่อครบกำหนดทดลองใช้ 3 เดือนแล้ว
หลังจากผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนทดลองใช้แล้ว ก็จะมาที่หน้า My Music หรือเพลงเดิมที่เราเคยซื้อผ่าน iTunes มาก่อนแล้ว ซึ่งเพลงพวกนี้จะยังคงฟังได้ไปตลอด แม้เราจะไม่ได้จ่ายเงินให้บริการ Apple Music แล้ว
เรามาสำรวจแท็บแรกของแอพนี้กันครับ นั่นคือแท็บ “For You” เป็นแท็บที่สำหรับใช้เลือกแนวเพลงและค้นหาเพลงใหม่ๆ ที่ตรงกับสไตล์การฟังเพลงของเรา เพราะเมื่อใช้งานครั้งแรก แอพมันจะถามว่าเราชอบเพลงแนวไหน หรือศิลปินคนไหน
เมื่อจัดการเลือกแนวเพลงที่เราชอบแล้ว แท็บ “For You” จะเป็นหน้าที่แสดงแนวเพลงที่เราชื่นชอบ สามารถกดฟังได้เลย
หน้าตัวเล่นเพลงหรือ Music Player ก็คล้ายกับแอพฟังเพลงเดิม
สามารถกดที่ไอค่อนรูป Play list เพื่อดูคิวเพลงที่แอพจัดมาให้เราได้
ส่วนเมนู … ตรงมุมขวาล่าง เป็นเมนูที่น่าสนใจดังนี้ครับ
- Start Station : ให้แอพเล่นเพลงแบบสุ่ม โดยอิงจากแนวเพลงที่เราฟังอยู่ปัจจุบัน
- Add to My Music : เป็นการสั่งให้แอพดาวน์โหลดเพลงนี้มาเก็บไว้ในเครื่องเรา เพื่อฟังแบบ Offline
- Show in iTunes Store : แสดงเพลงนี้ใน iTunes Store สำหรับใครที่อยากซื้อขาดเพลงนี้
หรือถ้าการให้แอพเลือกเพลงมาให้เราฟังมันไม่ถูกใจ ก็สามารถค้นหาเพลงที่ต้องการได้เลยครับ เพลงอะไรก็ได้ สามารถเอามาจัดเป็น playlist ส่วนตัวได้
นอกจากฟังเพลงทั่วไปแล้ว Apple Music ยังมีในส่วนของ Music Video ด้วย
ต่อมาในแท็บ “New” แท็บนี้เป็นแท็บสำหรับแนะนำเพลงโดย Apple ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่ เพลงฮิต โดยเลือกดูเป็นหมวดหมู่หรือตามแนวเพลงที่เราสนใจได้
แท็บ “Radio”
ฟีเจอร์นี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่ Apple พยายามเน้น นั่นคือ Beat 1 หรือวิทยุออนไลน์ที่จัดเพลงโดยศิลปินชื่องดังให้ฟังได้พร้อมกันทั่วโลก หรือจะเลื่อนลงมาก็จะเป็น Radio แยกย่อยของแต่ละแนวเพลงด้วย
ส่วนอีกแท็บนึงเป็นแท็บ “Connect” หรือพูดง่ายๆ มันคือโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กระหว่างศิลปินกับแฟนเพลง ให้ผู้ฟังได้ไปติดตามกิจกรรมหรือทักทายศิลปินตัวจริงเสียงจริงได้ (คล้ายๆ Twitter นั่นแหล่ะ)
สำหรับคำถามที่หลายคนสงสัยคือ Apple Music จะมีเพลงเหมือนกับใน iTunes Music Store ไหม ? เพราะในนั้นมีเพลงเยอะมากทั้งไทยและต่างประเทศ
เท่าที่ผมดูแล้ว รายการเพลงทั้งหมดใน Apple Music มีน้อยกว่า iTunes Music Store แบบเดิมอยู่พอสมควรครับ เข้าใจว่ายังอยู่ในช่วงการเจรจาและทำข้อตกลงในการนำเพลงของแต่ละค่ายมาไว้ใน Apple Music ยกตัวอย่างเช่น เพลงไทยจาก Bodyslam ก็มีแต่อัลบัมเก่าๆ ครับ
ส่วนประเด็นดราม่าของ Taylor Swift ก็จบลงด้วยดีครับ บริการ Apple Music เป็นบริการมิวสิคสตรีมมิ่งเดียวที่มีเพลงในอัลบัม 1989
ก็ขอตัดบทจบรีวิวแอพ Apple Music คร่าวๆ ไว้เพียงเท่านี้ครับ :)