เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา ค่ายมือถือ my by CAT ได้เปิดการให้บริการมือถือผ่านเครือข่าย 4G อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการเช่าคลื่น 1800 และ 2100 MHz ของทาง Truemove H (เท่ากับว่าตอนระหว่าง True และ my มีการสลับกันเช่าคลื่น เพราะก่อนหน้านี้ True เช่า 850 MHz ของ my สำหรับให้บริการ 3G)
แพ็กเกจ 4G ของ my by CAT
รูปแบบและแพ็คเกจการให้บริการ 4G ของ my นั้นค่อนข้างออกมาน่าผิดหวังสำหรับแฟนๆ เพราะเป็นการ “ขายแยก” ระหว่างโปร 3G และ 4G ต่างจากค่ายอื่นที่ไม่แบ่งแยกคลื่นในการทำการตลาด ดังนั้น ณ ตอนนี้ หากต้องการใช้ 4G ของ my จะต้องทำการสมัครแพ็กเกจ 4G เท่านั้น ถ้าไม่สมัคร ก็จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน 3G ตามปกติโดยในช่วงแรก แพ็กเกจ 4G ของ my มีให้เลือก 2 แบบคือ แบบรายเดือนและแบบเติมเงิน
แบบรายเดือน : my 4G Jumbo
เริ่มต้นที่เดือนละ 199 บาท ได้เน็ต 4G/3G รวม 1GB หากใช้งานครบโควต้าแล้ว จะลดความเร็วเหลือ 384 Kbps ส่วนแพ็คเกจที่ราคา 499 บาทขึ้นไป จะได้รับสิทธิ์ดูหนังผ่านบริการของ primetime ฟรี 30 วันด้วยครับ
แบบเติมเงิน : my 4G on Top
ราคาเท่ากับแบบรายเดือน แต่ต่างตรงที่ใช้งานเน็ตตามโควต้าหมดแล้วก็หมดเลย ไม่มีติด FUP หรือไม่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง ต้องซื้อเพิ่ม
และที่สำคัญ แพ็กเกจดังกล่าวทั้งแบบเติมเงินและรายเดือน ไม่แถมค่าโทรให้ด้วยนะครับ ทำให้สรุปแบบคร่าวๆ แพ็กเกจ 4G ของ my by CAT นั้น “แพง” กว่าค่ายใหญ่ทั้ง 3 ค่ายมากครับ
เริ่มต้นใช้งาน my 4G
สำหรับการใช้งาน 4G ของ my นั้น สามารถใช้ซิมเดิมได้ทันที ไม่ต้องเปลี่ยน
และอย่างที่เกริ่นไปตอนแรก ว่าหากไม่ได้ซื้อแพ็คเกจ 4G เราก็จะไม่ได้เชื่อมต่อผ่าน 4G จะเป็น 3G ตามปกติ ผมจึงได้ทำการทดสอบความเร็วของ my 3G ก่อน ผลที่ได้เป็นตามภาพครับ คือ 10.10/4.0 Mbps
ทำการสมัครแพ็กเกจ 4G ในที่นี้ผมเลือกแพ็คเกจต่ำสุด 199 บาท แบบเติมเงิน เอามาทดสอบ
วิธีตั้งค่าโทรศัพท์ให้รองรับ 4G : iOS | Android (เฉพาะรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G นะครับ)
เมื่อสมัครแพ็กเกจ 4G เสร็จแล้ว รอสักครู่เครื่องเราจะไปเกาะกับเครือข่าย my 4G ทันที
ทดสอบความเร็ว my 4G
ทำการทดสอบความเร็วด้วยแอป Speedtest ผลคือ ได้ความเร็วที่ 35.04 / 32.13 Mbps เลยทีเดียว (ต่างกับตอน 3G มาก) ซึ่งความเร็วในทางทฤษฎีนั้น สามารถทำได้สูงสุดถึง 300Mbps ครับ แล้วแต่พื้นที่และอุปกรณ์ที่รองรับ
ลองเปรียบเทียบกับความเร็วของ True 4G ในพื้นที่เดียวกัน ก็ได้ความเร็วออกมาพอๆ กัน เนื่องจากใช้คลื่นและเสาสัญญาณเดียวกันนั่นเอง
Speedtest : TRUE 4G (iPhone 6 ซ้าย) VS My 4G ( Xiaomi mi4 ขวา)
สรุป
- my 4G ใช้คลื่นเดียวกับ Truemove H ที่ใดมี True 4G ที่นั่นมี my 4G
- อยากจะใช้ my 4G ต้องสมัครแพ็กเกจ 4G เท่านั้น
- แพ็คเกจ 4G ของ my ยังถือว่าแพงกว่าค่ายอื่นๆ มาก ไม่แนะนำให้ใช้งานเป็นหลัก
- เหมาะสำหรับคนที่ใช้ my อยู่แล้ว แต่อยากได้ความเร็วแบบ 4G เป็นครั้งคราว (เช่น ดู/อัพโหลดวิดีโอ)