ช็อควงการ !! กูเกิลประกาศปิดให้บริการ Google Reader
สำหรับผมวันนี้มีข่าวเศร้าในวงการไอทีเกิดขึ้นครับ เมื่อกูเกิลประกาศปิดจะปิดให้บริการ Google Reader ในวันที่ 1 กรฏาคมนี้ หลังจากเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2005 โดย Google Reader เป็นบริการประเภท RSS/Feed Reader ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่บริการแบบเดียวกัน แถมยังเปิด API ให้แอพพลิเคชั่นภาย สามารถดึงข้อมูลจากใน Google Reader ไปใช้ในแอพต่างๆ อีกด้วย ยกตัวเช่นเช่น Flipboard, Feedly, Pulse, Neesfiy และอื่นๆ อีกมากมาย (ผมเคยแนะนำ RSS/Feed และ Google Reader ไปครั้งนึงเมื่อตอนปี 2010 ใครไม่รู้จักเข้าไปอ่านที่ได้ที่นี่ครับ)
ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายคนอาจจะไม่รู้จัก Google Reader เพื่อถือว่า RSS/Feed เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างเก่าและไม่ค่อยได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้ทั่วไป แต่สำหรับคนในวงการไอทีหรือคนที่จำเป็นต้องติดตามคอนเทนต์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา อย่างนักข่าว นักการตลาด ตลอดจนบล็อกเกอร์ คนส่วนนี้ล้วนใช้ Google Reader เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามข่าวสารใหม่ๆ ไม่ทางตรง (ผ่านหน้าเว็บ) ก็ทางอ้อม (ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ) นี่จึงนับว่าเป็นข่าวสะเทือนวงการ (คนกลุ่มทีผมได้ยกตัวอย่าง) เลยก็ว่าได้
ตัวอย่างการใช้ Google Reader ของผม ทั้งข่าวไทย
และข่าวจากต่างประเทศ ตลอดจนข่าวที่ผมเอามาอัพเดทในบล็อกแห่งนี้ 95% ผมรู้มาจาก Google Reader ทั้งนั้น
สถิติการใช้งาน Google Reader ในปัจจุบันของผม มีทั้งหมด 766 Subscriptions แหน่ะ !! และตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2011 ผมอ่านข่าวต่างๆ ผ่าน Google Reader ไปมากกว่า 3 แสนเรื่อง (ที่จริงผมใช้ Google Reader ตั้งแต่ปี 2006 แล้วนะ แต่ Google เพิ่งมาเก็บสถิติตอน 2010)
สำหรับผมคิดไว้ในใจลึกๆ แล้วว่าสักวันกูเกิลต้องปิดการให้บริการ Google Reader ไม่วันใดก็วันหนึ่งแต่ไม่คิดว่าจะปิดไวขนาดนี้ (ตอนแรกคิดไว้ว่าอาจจะ 3-5 ปี) เนื่องจากบริการดังกล่าว ไม่ใช่บริการหลักของกูเกิล และทางกูเกิลต้องการนำกำลังคนและทรัพยาการต่างๆ ไปเน้นในผลิตภัณฑ์อื่นๆ
จากการประกาศปิด Google Reader ในครั้งนี้ ตามความคิดผม ถ้าคิดในแง่ RSS/Feed อาจจะตายไปเลยก็ได้ เพราะเรียกได้ว่า Google Reader เป็นช่องทางที่คนนิยมมากที่สุด (หาเจ้าอื่นมาเทียบคุณภาพกันได้ยาก) หรือถ้าคิดในแง่ดี อาจเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดบริการ RSS/Feed Reader หน้าใหม่ๆ หรือเกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ RSS/Feed กลับมาเป็นที่นิยมมากกว่าเดิมก็เป็นได้
ตอนนี้ผมยังรู้สึกช็อคไม่ได้
ที่มา – Mashable